แจกสูตรโฮมเมด น้ำมะเขือเทศ ใครทำก็อร่อย รับประกัน ! Healthy ผิวสวย ผิวใส จงมา ๆ โดย เฟซบุ๊ก HappyBodies
จริง ๆ อาจจะเชย เพิ่งมาฮิตดื่มน้ำมะเขือเทศกับเขา เพราะเมื่อก่อนเคยลองน้ำมะเขือเทศกล่องที่ขายทั่วไปอยู่หลายยี่ห้อ แบบว่าดื่มยาก กลั้นหายใจก็แล้ว พาลจะตีกลับตลอด ๆ จนมาสนใจเรื่องน้ำผักผลไม้ก็ทำเองก็ได้นี่นา ลองดูเลยออกมาเป็นสูตรนี้ ! No Sugar, No Salt, No Additive, No Preservative ขนาดเป็นคนยี้ ๆ น้ำมะเขือเทศ พอได้ลอง ตอนนี้ดื่มทุกวันแล้วค่ะ ไม่ได้โม้
ส่วนผสม น้ำมะเขือเทศ
อุปกรณ์
วิธีทำน้ำมะเขือเทศ
1. ล้างมะเขือเทศให้สะอาด
2. หั่นเป็นชิ้น ๆ
3. นำมะเขือเทศใส่หม้อใช้ไฟกลางหมั่นคนจนสุก ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ไม่ต้องเติมน้ำเปล่า หรือเกลือป่นนะคะ
4. นำมะเขือเทศต้มสุกมากรองเอาแต่น้ำ จะได้สีแดงสวยตามด้านล่างค่ะ
5. ปอกเปลือกสับปะรด ล้างน้ำสะอาด หั่นเป็นชิ้น ๆ นำขึ้นตั้งไฟ พร้อมเติมน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ต้มจนสุกแล้วกรองเอาแต่น้ำ
ฉากสุดท้าย ในที่สุดพระเอกก็ได้มาพบนางเอก (พี่มะเขือเทศกับน้องสับปะรด)
ก่อนอื่นนำน้ำสับปะรดที่ได้มาเพิ่มความหอมและรสจี๊ด ๆ ด้วยการเติมน้ำมะนาวสดไป 1 ลูกค่ะ จากนั้นผสมน้ำสับปะรดที่ได้กับน้ำมะเขือเทศคนให้เข้ากันเป็นอันจบบริบูรณ์ น้ำมะเขือเทศที่ได้นำไปบรรจุใส่ขวด เข้าตู้เย็นเก็บไว้ดื่มได้ 2 อาทิตย์ แบบฟิน ๆ ค่ะ
แถม ! ข้อมูลน้ำมะเขือเทศดีอย่างไร และทำไมต้องเอาไปต้มสุก
ถ้าดื่มติดต่อกันนาน ๆ และมากพอจะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูอมชมพูได้ แต่หากหยุดทานเพียง 1 สัปดาห์ สีผิวเดิมจะกลับมา (ข้อมูลจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล)
เคล็ดลับจากน้ำมะเขือเทศ
1. การดื่มน้ำมะเขือเทศควรดื่มหลังอาหารเพราะน้ำมันจะไปช่วยดูดซึมไลโคปีนเข้าร่างกาย หากดื่มก่อนอาหารควรหยดน้ำมันผสมลงไปก่อน (อาจใช้น้ำมันมะพร้าวก็ได้นะคะ)
2. คนเป็นโรคไตไม่ควรดื่มเพราะมีโพแทสเซียมสูง
3. คนปกติไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว หรือ 2 กล่องต่อวัน เพราะเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถขับโพแทสเซียมออกได้หมด
4. หากต้องเลือกซื้อทานแบบกล่องดูที่มีปริมาณโซเดียมน้อย ๆ นะคะ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะคะ ใครที่เคยยี้น้ำมะเขือเทศอย่างเราลองไปทำดูนะคะ หากเพื่อน ๆ คนไหนชอบ หรือถูกใจ ช่วยกดไลค์เฟซบุ๊ก HappyBodies ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะ หรือจะติชมยังไงก็ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ HappyBodies สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก HappyBodies
ส่วนผสม น้ำมะเขือเทศ
- มะเขือเทศท้อ 2 กิโลกรัม
- สับปะรด 1 ลูก
- มะนาว 1 ลูก
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
อุปกรณ์
- มีด
- เขียง
- หม้อ
- ทัพพี
- ตะแกรง หรือกระชอน (สำหรับกรองน้ำ)
วิธีทำน้ำมะเขือเทศ
1. ล้างมะเขือเทศให้สะอาด
2. หั่นเป็นชิ้น ๆ
3. นำมะเขือเทศใส่หม้อใช้ไฟกลางหมั่นคนจนสุก ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ไม่ต้องเติมน้ำเปล่า หรือเกลือป่นนะคะ
4. นำมะเขือเทศต้มสุกมากรองเอาแต่น้ำ จะได้สีแดงสวยตามด้านล่างค่ะ
เคล็ดลับ : ใช้ทัพพีช่วยบี้จะทำให้ได้น้ำมะเขือเทศเยอะขึ้นนะคะ
5. ปอกเปลือกสับปะรด ล้างน้ำสะอาด หั่นเป็นชิ้น ๆ นำขึ้นตั้งไฟ พร้อมเติมน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ต้มจนสุกแล้วกรองเอาแต่น้ำ
ก่อนอื่นนำน้ำสับปะรดที่ได้มาเพิ่มความหอมและรสจี๊ด ๆ ด้วยการเติมน้ำมะนาวสดไป 1 ลูกค่ะ จากนั้นผสมน้ำสับปะรดที่ได้กับน้ำมะเขือเทศคนให้เข้ากันเป็นอันจบบริบูรณ์ น้ำมะเขือเทศที่ได้นำไปบรรจุใส่ขวด เข้าตู้เย็นเก็บไว้ดื่มได้ 2 อาทิตย์ แบบฟิน ๆ ค่ะ
แถม ! ข้อมูลน้ำมะเขือเทศดีอย่างไร และทำไมต้องเอาไปต้มสุก
- ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนสูง ยิ่งเมื่อนำไปต้ม (ผ่านขบวนการ) ยิ่งทำให้ความเข้มข้นสูง ปริมาณไลโคปีนที่ได้จึงสูงตามไปด้วย
- ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก (คุณผู้ชายดื่มกันเยอะ ๆ นะคะ) ป้องกันมะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งตับอ่อน
- ชะลอวัยและริ้วรอย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (ชอบที่สุดก็ตรงนี้)
- บำรุงผิวพรรณสดใส ชุ่มชื่น และอมชมพู
- ช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลในผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- วิตามิน A สูง ช่วยบำรุงสายตา
- คุมระดับน้ำตาลในเลือด
- มีวิตามิน K สูง ช่วยป้องกันกระดูกพรุน
- ช่วยลดอาการบวมน้ำ
ถ้าดื่มติดต่อกันนาน ๆ และมากพอจะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูอมชมพูได้ แต่หากหยุดทานเพียง 1 สัปดาห์ สีผิวเดิมจะกลับมา (ข้อมูลจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล)
เคล็ดลับจากน้ำมะเขือเทศ
1. การดื่มน้ำมะเขือเทศควรดื่มหลังอาหารเพราะน้ำมันจะไปช่วยดูดซึมไลโคปีนเข้าร่างกาย หากดื่มก่อนอาหารควรหยดน้ำมันผสมลงไปก่อน (อาจใช้น้ำมันมะพร้าวก็ได้นะคะ)
2. คนเป็นโรคไตไม่ควรดื่มเพราะมีโพแทสเซียมสูง
3. คนปกติไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว หรือ 2 กล่องต่อวัน เพราะเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถขับโพแทสเซียมออกได้หมด
4. หากต้องเลือกซื้อทานแบบกล่องดูที่มีปริมาณโซเดียมน้อย ๆ นะคะ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะคะ ใครที่เคยยี้น้ำมะเขือเทศอย่างเราลองไปทำดูนะคะ หากเพื่อน ๆ คนไหนชอบ หรือถูกใจ ช่วยกดไลค์เฟซบุ๊ก HappyBodies ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะ หรือจะติชมยังไงก็ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ HappyBodies สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก HappyBodies
